โปรแกรมการแข่งขันรอบ
4 ทีมสุดท้าย
บอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย
การแข่งขันฟุตบอลโลก
2018 ประเทศรัสเซีย ในเวลานี้เหลือเพียง 4
ทีมสุดท้ายที่ต้องมาลุ้นว่าใครคือผู้ที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปในการชิงชนะเลิศ
โดยมีโปรแกรมการแข่งขันและสนามที่ใช้ในการแข่งขันมีดังนี้
· วันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 เวลา 01.00 น.
ทีมชาติฝรั่งเศส VS ทีมชาติเบลเยี่ยม
สนามกีฬาเครสตอฟสกี, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
· วันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 เวลา 01.00 น.
ทีมชาติโครเอเชีย VS ทีมชาติอังกฤษ
สนามกีฬาสนามกีฬาลุจนีกี, มอสโก
- · ทีมชาติฝรั่งเศส สำหรับผลงานที่ผ่านมาถือว่าไม่แพ้ใครมาติดต่อกัน และผลงานเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมาในชุด 1998 ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดัง และในทีมชาติชุด 2018 ที่มีนักเตะที่เป็นพรสวรรค์อย่างมาก โดยมีนักเตะที่มีชื่อเสียงอยู่ร่วมทีมอย่างมาก และมีการแจ้งเกิดอย่าง คีเลี่ยน เอ็มเบ็ปเป้ ที่โชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างเหนือชั้น สำหรับความพร้อมของทีมที่มีจุดแข็งในทัพซึ่งนักเตะทุกคนมีความต้องการคว้าแชมป์โลกมาครอง ซึ่งเหลือเพียงอีกไม่กี่นัดก็ถึงฝั่งแล้ว ในเกมรุกที่มีความว่องไว และฉกฉวยโอกาสในการทำประตูซึ่งเป็นจุดแข็งของพวกเขาที่พร้อมสร้างสรรค์โอกาสของการทำสกอร์ขึ้นนำก่อน แต่จุดอ่อนของทัพตราไก่คือการใช้แทคติกที่ดูแล้วรู้รู้สึกขัดอารมณ์ไปบ้าง ซึ่งเป็นความเสี่ยงค่อนข้างมากหรือในบางครั้งอาจจะรู้สึกขัดใจแฟนบอลบ้างในบางครั้ง
- · ทีมชาติเบลเยี่ยม เป็นทีมชาติที่สามารถปลดล็อกความสำเร็จให้กับตนเองโดยการทะลุผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายมาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นทีมม้ามืดที่จะทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปได้ แต่งานนี้อาจจไม่ง่ายหากต้องฝ่าด่านทีมชาติฝรั่งเศสไปยังรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็ยังโชคดีมีจุดแข็งของทีมที่มีโอกาสช่วยให้การผ่านเข้าสู่รอบต่อไปคือ ความสมบูรณ์ของทีมที่เป็นทีมเวิร์คและเล่นอย่างมีวินัย โดยไม่ได้ฝากความหวังไว้กับนักเตะคนใดเป็นหลัก เพราะทุกคนสามารถเล่นได้เข้าขากัน ทำให้แนวทางการบุกทำเกมในทุกตำแหน่งสามารถขับเคลื่อนได้อย่างดี และพวกเขาได้พิสูจน์มาให้เห็นแล้วว่าการที่เอาชนะทีมชาติบราซิลผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาจากความสามารถล้วน ๆ แม้ว่าในทีมจะมีดาวเตะชื่อดังจากสโมสรระดับสูงจากยุโรปจำนวนหลายคนแต่การวางแท็กติกต่าง ๆ ของผู้จัดการทีมอย่าง มาร์ติเนซ ที่จัดระบบไม่เหมือนกันในแต่ละครั้ง
- · ทีมชาติโครเอเชีย เป็นทีมชาติที่สร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญจากการผ่านด่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศมาได้ในครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลโครเอเชียต่างเฝ้ารอเป็นเวลานานถึง 20 ปี กว่าจะผ่านด่านนี้มาได้ จากผลงานที่ผ่านมาจากการเฉือนเอาชนะทีมคู่แข่งมาได้แบบหวุดหวิดและต้องดวลลูกจุดโทษถึงสองครั้ง ทั้งเดนมาร์กและรัสเซีย แต่ก็เอาชนะมาได้ถึงสองครั้ง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของนักเตะที่ทุกคนต่างกระหายชัยชนะในทุกครั้ง สำหรับจุดแข็ง ทีมที่มาจากความสามารถโดยเฉพาะในแดนกลางที่มีความเหนียวทำให้คู่แข่งยากที่จะบุกเข้ามาทำประตู ซึ่งมี ลูกา โมดริช และ อิวาน ราคิติช และ อิวาน เปริซิช ที่พร้อมผนึกกำลังอย่างเหนียวแน่น จึงสร้างกดดันให้กับทีมคู่แข่งอย่างมากในการบุกที่เข้าถึงแนวรับได้ยาก แต่จุดอ่อนของทีมโครเอเชียที่ยังมีเกมบุกที่ไม่คงที่หรือมีการบุกที่ไม่ต่อเนื่อง เพราะ มาริโอ มานด์ซูคิช ที่พอจะเป็นความหวังของทีมอาจทำงานเหนื่อยกว่าปกติ อาจทำให้เป็นงานหนักที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างด่วนหากต้องการผ่านเข้ารอบต่อไป
- · ทีมชาติอังกฤษ เป็นทีมชาติที่สร้างผลงานได้ร้อนแรงอย่างมาก หากจะบอกว่าเป็นทีมเต็งหนึ่งของการคว้าแชมป์โลก 22018 ก็คงจะไม่ผิด แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาจะเคยได้แชมป์โลกมาแล้ว แต่การบุกผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไม่ได้เกิดขึ้นมาง่าย ๆ หลังจากห่างหายไปนานถึง 28 ปี และการกลับมาทวงบัลล์ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะมีนักเตะชื่อดังของสโมสรระดับลีกชั้นนำหลายทีมให้เลือกนำมาใช้งานจำนวนมาก เช่น แฮร์รี่ เคน ที่กำลังเป็นผู้ที่สามารถทำประตูได้สูงสุดในเวลานี้ และยังมี เจสซี่ ลินการ์ด , แฮร์รี่ แม็คไกวร์ , จอห์น สโตนส์ , ราฮีม สเตอร์ลิง ที่พร้อมสร้างสรรค์ผลงานในการเล่นเกมเพื่อชัยชนะและต้องการลบอาถรรพ์ในการเล่นบอลโลกที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ สำหรับจุดแข็งของทีมสิงโตคำราม ที่มีลูกเล่นการเตะหลากหลาย ทั้งฟรีคิก , จุดโทษ , ลูกตั้งเตะ ความแม่นยำในการส่งต่อลูกกัน ซึ่งเป็นเหมือนอาวุธชั้นดีในการเล่นเกมรุกของพวกเขา แต่ความเหนือชั้นของนักเตะที่เป็นเลือดใหม่สร้างความพอใจให้กับแฟนบอลอย่างมาก แต่เป็นเหมือนดาบสองคมที่อาจสร้างปัญหาให้กับนักเตะบางคนที่รู้สึกตื่นเต้นในการเล่นเพราะการแข่งในเวทีระดับโลกรอบลึก ๆ อาจจะพลาดในการเล่นจะทำให้มีความกดดันในการเล่นมากพอสมควร จึงต้องเรียกขวัญและกำลังใจและมีสมาธิในการเล่นให้มาก