ทีมชาติที่มีโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศ
บอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย
การแข่งขันฟุตบอลโลก
2018 ประเทสรัสเซียในครั้งนี้ กำลังดุเดือด และเหลืออีกเพียงแค่ 4
ทีมสุดท้ายที่จะมีโอกาสคว้าแชมป์โลกในครั้งนี้ สำหรับทีมชาติที่คาดว่าน่าจะเป็นทีมเต็งของการเข้าไปชิงชนะเลิศในครั้งนี้คือ
ทีมชาติเบลเยี่ยม
เป็นทีมม้ามืดของการผ่านเข้าสู่รอบ
4 ทีมสุดท้ายในครั้งนี้ได้สำเร็จ ซึ่งสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญให้กับวงการลูกหนังของทีมชาติตนเองในการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
ทีมชาติเบลเยี่ยมเป็นทีมที่หลายคนคาดไม่ถึงของการผ่านเข้าสู่ในรอบลึก ๆ ได้ แน่นอนว่าเป็นทีมชาติที่มีจุดแข็งน่ากลัวเหมือนกัน
ในความสมดุลของทีมที่มีแนวเกมรับและการรุกที่กดดันคู่แข่งได้อย่างดี
โดยเฉพาะการนำทัพทีมชาติจากซุปตาร์ชื่อดังจากสโมสรในยุโรป เช่น โรแมลู ลูกากู
, เควิน
เดอบรอยน์ , เอเด็น อาซาร์ด
ที่เป็นตัวเดินเกมให้ทีมดุดันพอสมควร และผลงานของทีมที่ผ่านมานัดล่าสุดจากการเฉือนเอาชนะบราซิล
2-1 ทำให้เขี่ยทีมเต็งหนึ่งตกรอบไปแบบช็อกโลก เบลเยี่ยม จึงเป็นทีมชาติที่กำลังถูกจับตามองว่ามีโอกาสของการคว้าแชมป์โลกในครั้งนี้
แม้ว่าจะเป็นทีมชาติที่หลายคนมองว่าน่าจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับวงการลูกหนังระดับโลกด้วยการเป็นแชมป์ในการแข่งขันฟุตบอลโลก
2018 ครั้งนี้ ยังมีจุดอ่อนของทีมที่ยังคงต้องแก้ไขแต่ถือว่าไม่มากเท่าไหร่ โดยเฉพาะตำแหน่งวิงแบ็กที่มักจะหลุดบ่อยครั้ง
ซึ่ง มาร์ติเนซกุนซือที่มองเห็นถึงจุดอ่อนของตนเองและแก้ไขได้ดีขึ้นจากนัดที่เอาชนะบราซิลจะเห็นได้ถึงความสมดุลของทีมเวิร์ค
และสร้างความมั่นใจให้กับทีมได้อย่างมาก
ถึงแม้ผลงานในอดีตที่ผ่านมาจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้แต่ปี 2018
นี้อาจมีลุ้นพอสมควร
ในการก้าวเข้าสู่รอบการแข่งขัน 4
ทีมสุดท้ายครั้งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่มาจากกำลังความสามารถนักเตะของทัพ
ปีศาจแดงแห่งยุโรป ที่มีความพร้อมและความแข็งแกร่งอย่างมาก จึงช่วยสร้างความมั่นใจที่พวกเขาต้องการประกาศศักดิ์ดาให้โลกได้รู้เอาไว้ว่าพวกเขาไม่ได้มีดีแค่นักเตะชื่อดังอยู่ในทีมหรือโชว์ฟอร์มในการเล่นดีแค่ในสนาม
แต่พวกเขามีความต้องการเป็นทีมชาติหน้าใหม่คว้าแชมป์โลกในการแข่งขันครั้งนี้มาครอง
ทีมชาติอังกฤษ
เป็นทีมชาติที่สามารถลบล้างอาถรรพ์ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรอบ
28 ปี หลังจากที่เคยสร้างผลงานเอาไว้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1990
สำหรับรอบเกมการแข่งขัน 16 ทีมสุดท้ายที่เอาชนะสวีเดนมาได้ไม่ยากเย็นมากนัก แม้ว่ารูปเกมอาจจะสูสีกันแต่ความเฉียบคมของสิงโตคำรามที่เป็นต่อมากกว่าจึงทำให้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้ในที่สุด สำหรับความพร้อมของทีมที่เป็นจุดแข็งที่มีทักษะความชำนาญในการเตะลูกฟรีคิก
, ลูกเตะมุม และลูกจุดโทษ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอย่างที่หลายทีมต่างฝึกซ้อม
จากผลงานที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการยิงลูกนิ่งสามารถสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากกว่า
จึงเป็นลูกอันตรายที่คู่แข่งมักจะระวังเป็นพิเศษ และเป็นทีมชาติที่มีดาวยิงอย่าง
แฮร์รี่ เคน ที่พร้อมเดินเครื่องล่าสกอร์ให้กับสิงโตคำราม รวมถึง เดเล อัลลี่ ,
เจสซี่ ลินการ์ด , แอชลี่ย์ ยัง ,แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ,เจมี่ วาร์ดี้
ที่พร้อมเดินเครื่องเต็มที่ รวมถึง จอร์แดน พิกฟอร์ด
ผู้รักษาประตูที่โชว์ฟอร์มการเซฟลูกนาทีสำคัญช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบมาได้อย่างเหนือชั้นโดยเฉพาะการดวลจุดโทษกับโคลัมเบียในรอบ16
ทีมสุดท้าย
สำหรับจุดอ่อนของทีมชาติอังกฤษในเวลานี้ไม่ถือว่ามีมากแต่อย่างใด
แม้ว่าจะมีนักเตะชื่อดังหลายคนอยู่ในทีม แต่ระดับประสบการณ์เวทีระดับโลกในรอบลึก ๆ
อาจจะยังน้อยมาก เพราะห่างหายมานานหลายปี อาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักเตะหลายคน
ซึ่งเป็นความเสี่ยง หากคู่แข่งจับทิศทางถูกจะเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตีได้ง่าย ๆ
ทำให้ เกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องปลุกขวัญและสร้างกำลังใจให้รู้สึกกระหายชัยชนะเพื่อลดความกดดันของนักเตะบางคน
ทัพสิงโตคำรามที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศมาได้ทำให้มีโอกาสของการก้าวเข้าสู่การเป็นแชมป์โลกในครั้งนี้ได้ไม่ยาก หากผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ก็ไม่มีอะไรมาหยุดความแรงของทีมชาติอังกฤษแน่นอน
สำหรับโอกาสของการก้าวเข้าสู่แชมป์โลกในขณะนี้เริ่มมองเห็นเป็นรูปร่างขึ้นมาบ้าง
เพราะในเวลานี้ เมื่อมองจากผลงานที่ผ่านมาทัพสิงโตคำรามไม่ได้มีดีแค่ความแข็งแกร่งของเหล่านักเตะชื่อดังจากสโมสรระดับสูงแน่นอน
แค่เป็นเพราะความสามารถและทีมเวิร์คที่สำคัญ
จากความต้องการลบล้างอาถรรพ์และการก้าวเข้าสู่การครองแชมป์โลก
หลังจากที่เคยได้แชมป์โลกเมื่อปี 1966 ที่เฉือนเอาชนะเยอรมนีมาได้ 4-2 จากการห่างหายของการเข้าสู่ในรอบลึก ๆ มานานถึง
52 ปี
ทำให้ความพร้อมของทีมในเวลานี้นักเตะทุกคนต่างกระหายชัยชนะและมีความมั่นใจเกินร้อย
จึงมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์โลกในครั้งนี้เช่นกัน