ทีมที่ผ่านเข้าไปเล่น
รอบ 4 ทีมสุดท้าย บอลโลก 2018
ประเทศรัสเซีย
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018
ประเทศรัสเซียที่กำลังเข้มงวดเหลือเพียง 4 ทีมสุดท้าย ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยมีรายชื่อสุดยอดทีมชาติ
4 ประเทศสุดท้ายในบอลโลกครั้งที่ 21 คือ
ทีมชาติฝรั่งเศส ที่สร้างผลงานที่ผ่านมาได้ดี
และในครั้งอดีตที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ของการเคยคว้าแชมโลกมาแล้ว 1 สมัย เมื่อปี
1998 จากการชนะ บราซิล 3-0
สำหรับทีมชาติฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในทีมชาติที่มีดาวเตะชื่อดังจำนวนมากรวมอยู่ในทัพตราไก่
จึงเป็นความได้เปรียบที่สามารถเลือกนักเตะนำมาใช้ในแผนได้หลากหลาย สำหรับความฟิตของนักเตะในชุดนี้ที่ส่วนมากยังมีอายุไม่เยอะทำให้ความเร็วแรงและโอกาสฝึกฝนใช้งานได้อีกหลายปี
บวกกับฟอร์มการเล่นที่บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด แม้ว่าจะมีแผ่วปลายไปบ้าง
เมื่ออนาคตของทีมชาติที่อยู่ในกุมมือของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองป์ส
ที่เป็นตัวขับเคลื่อนในการคุมทีมและคอยวางแผนการรุกให้กับทัพตราไก่ได้อย่างเหนือชั้น
โดยมีตัวหลักอย่าง อองตวนกรีซมันน์ , คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ , อุสมาน เดมเบเล่ และนักเตะชื่อดังอีกจำนวนมากที่คอยสรรสร้างโอกาสให้ทีมเหนือชั้นได้อย่างดี
สำหรับความพร้อมของทีมตราไก่ในเวลานี้มีความมั่นใจและพร้อมที่จะเข้าสู่เกมที่ต้องดวลกับเบลเยี่ยมในรอบต่อไป
ทีมชาติเบลเยี่ยม
เป็นทีมชาติที่สร้างผลงานที่ผ่านมาได้อย่างเหนือชั้นจากการชนะทุกนัดของการแข่งและเฉือนเอาชนะทีมชาติบราซิลได้สำเร็จ
1-2 ทำให้เขี่ยแซมบร้าทีมเต็งในปีนี้ตกรอบไปก่อน เบลเยี่ยมเป็นทีมชาติที่สร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลทั่วโลกที่ผ่านเข้ามาอยู่ในรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
และเป็นทีมน้องใหม่ของการแข่งขันในสุดท้าย
นับเป็นเกียรติประวัติศาสต์แห่งวงการลูกหนังของทีมชาติเบลเยี่ยม
สำหรับความพร้อมของนักเตะที่มีดาวเตะชื่อดังจากสโมสรชั้นนำหลายคน เช่น เอแด็น
อาซาร์ , เควิน เดอ บรอยน์ , โรเมลู ลูกากู , ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่เป็นผู้รักษาประตูในนัดสำคัญและเซฟลูกได้อย่างเทพ
และทำให้เป็นทีมชาติที่ยากจะเจาะแนวรับเข้าไปยิงประตูได้
สำหรับความพร้อมและทีมเวิร์คของเหล่านักเตะทุกคนที่เล่นอย่างมีวินัย
และเล่นเกมรุกได้หลายแบบ ที่สำคัญนักเตะทุกคนสามารถปรับแก้เกมในสนามได้อย่างดี
จึงทำให้คู่แข่งยากที่จะจับทางได้
ทีมชาติอังกฤษ ที่สรน้างผลงานในการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเข้ามาได้สำเร็จ
เป็นอีกหนึ่งทีมที่สร้างประวัติศาสตร์บันทึกหน้าใหม่ให้กับประเทศของจากการผ่านเข้าสู่รอบ
4 ทีมสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 28 ปี หลังจากที่เคยทำไว้ในปี 1990
จากการถล่มเอาชนะสวีเดนมาได้ไม่ยากเกินความสามารถ จากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงและประกอบด้วยนักเตะดาวดังจากสโมสรชั้นนำในยุโรปจำนวนมาก
ที่มาพร้อมกับแกนนำอย่าง แฮร์รี่ เคน
ซึ่งเป็นผู้ที่ทำประตูสูงสุดในการยิงในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้รวมถึง แรชฟอร์ด , ลินการ์ด , แฮร์รี แม็กไกวร์ โดยเฉพาะจอร์แดน
พิคฟอร์ด
ที่เป็นเหมือนฮีโร่ของทีมที่สามารถช่วยรักษาประตูจากการดวลลูกจุดโทษทำให้อังกฤษผ่านเข้ารอบมาได้
และการเจอกับสวีเดนช่วยเซฟลูกสำคัญ ๆ ไว้ได้อย่างเหนือชั้น
ในส่วนเกมรับของสิงโตคำรามที่บอกได้ว่าเหนียวแน่นอย่างมาก โดยมีทั้ง แอชลียัง ,
คีแรน ทริปเปียร์ สำหรับความพร้อมของทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้ที่เกิดขึ้นจากการคุมทัพของ
กาเร็ธ เซาธ์เกต ที่เป็นกุนซือประจำทีมชาติ สำหรับความพร้อมของทีมชาติอังกฤษที่สามารถลบอาถรรพ์เมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมาได้สำเร็จ
ทำให้เกิดความใจในทีมเพื่อก้าวเข้าสู่การคว้าแชมป์โลก 2018 ในครั้งนี้
ทีมชาติโครเอเชีย ถูกจัดว่าเป็นทีมชาติม้ามืดของแท้
จากการแข่งที่เฉือนเอาชนะทีมชาติรัสเซียผ่านเข้ารอบมาได้จากการดวลลูกจุดโทษ 4-3
จึงเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของการแข่งขันในเวทีระดับโลกในรอบ 20 ปี
นับจากครั้งล่าสุดเมื่อปี 1998
สำหรับผลงานของการแข่งขันในรอบที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องดวงการยิงจุดโทษที่ตัดสินกันด้วยความแม่นยำและเฉียบคม
นับได้ว่าเป็นการเอาชนะจากลูกจุดโทษเป็นครั้งที่สองของการแข่งบอลโลก 2018
ของพวกเขา ครั้งแรกชนะเดนมาร์ก 3-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
และในครั้งนี้ที่ชนะเจ้าภาพ 4-3
ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและโชคช่วย
สำหรับความพร้อมในทีมที่มีนักเตะแกนหลักอย่าง อิวาน เปริซิช , อิวาน ราคิติช , ลูก้า โมดริช , มาร์เชโล่ โบรโซวิช จึงเป็นทีมชาติผ่านเข้ารอบมาไกลกว่าที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้
เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดและมีโอกาสเข้าสู่รอบตัดเชือกได้
ทำให้ความมั่นใจของทีมโครเอเชียในเวลานี้มีค่อนข้างมาก
แมตช์ต่อไปที่ต้องพบกับทีมชาติอังกฤษ
ซึ่งเป็นงานไม่ง่ายแต่เมื่อเทียบกับเกมการแข่งขันที่ผ่านมาของโครเอเชียก็เจองานยากมาแล้วทั้งนั้นเช่น
อาร์เจนติน่า , ไอซ์แลนด์ และเดนมาร์ก หรือแม้แต่เจ้าภาพ
ซึ่งช่วยลดความกดดันได้อย่างมาก