ทีมชาติที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ บอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย
ในการแข่งขันบอลโลก
2018 ที่เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายและได้ทีมชิงชนะเลิศเที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทีมที่ผ่านเข้ารอบมาได้คือ
ชาติฝรั่งเศสและทีมชาติโครเอเชีย ซึ่งเป็นทีมที่เหนือความคาดหมายของใครหลายคน ทำให้การผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศครั้งสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญของวงการลูกหนังอย่างมาก
ทีมชาติฝรั่งเศส
ทีมชาติฝรั่งเศสที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาจากการเฉือนเอาชนะเบลเยี่ยมมาได้ 1-0
ซึ่งเป็นทีมชาติที่มีนักเตะดาวดังประดับทีมจำนวนมาก
จึงเป็นทีมที่มีความแข็งแกร่งและทีมเวิร์คอย่างมาก จากฟอร์มการเล่นในเวลานี้ที่มีความกระหายชนะอย่างมาก
ทำให้ความมั่นใจของทีมในเวลานี้มีเกินร้อย
ด้วยความพร้อมในทุกด้านของทัพตราไก่ที่สามารถบุกเอาชนะคู่แข่งมาได้นับครั้งไม่ถ้วน
จากสถิติผลงานในการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ผ่านการคว้าแชมป์โลกในครั้งสุดท้ายเมื่อปี
1998 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ถือว่าเป็นเวลานานพอสมควร
ในชุดที่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ในยุคนั้นที่มีดาวเตะชื่อดังอย่างเช่น ซีเนดีน
ซีดาน ,ดิดิเยร์
เดส์ชองส์, เธียร์รี่
อองรี , โลรองต์ บลองก์
สำหรับทัพตราไก่ในยุคนี้ที่ได้ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ที่ผันตัวเองเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชาติในครั้งนี้
ที่คาดหวังจะพาเหล่าทัพนักเตะรุ่นน้องคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ให้ได้เหมือนเอง
เมื่อมองถึงภาพรวมในเวลานี้ที่เหล่านักเตะทุกตำแหน่งมีความพร้อมและแข็งแกร่งทำให้ไม่เห็นจุดอ่อนแม้แต่น้อย
ซึ่งทุกคนที่มีเป้าหมายหลักเช่นเดี่ยวกัน จึงเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งพวกเขาเหลือการแข่งขันอีกนัดเดียวที่จะชี้ชะตาว่าการเป็นแชมป์โลก 2018
จะตกเป็นของพวกเขาได้หรือไม่ แม้ว่าทีมคู่แข่งในเวลานี้ไม่เคยผ่านการเข้าสู่รอบสุดท้ายมาก่อน
แต่ก็นิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะเป็นทีมม้ามืดที่ต้องระวังทางการเล่นให้มากเช่นกัน
ทีมชาติโครเอเชีย
ทีมชาติโครเอเชียเป็นทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกของการแข่งขันบอลโลก
2018
ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับทีมชาติตนเองด้วยการเขี่ยทีมชาติอังกฤษตกรอบรองชนะเลิศมาได้แบบฉิวเฉียดในช่วงต่อเวลาพิเศษ
2-1 ทำให้พวกเขาต้องมาเจอกับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทีมเต็งของการลุ้นเป็นแชมป์
สำหรับผลงานที่ผ่านมาถือว่าลุ่ม ๆ ดอน ๆ อย่างมาก
แต่ก็สามารถผ่านเข้ามายังนัดชิงได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นการดวลลูกจุดโทษถึงสองครั้งและพวกเขาก็ผ่านมาด้วยดี
และชนะทัพสิงโตคำรามได้อย่างเหนือชั้นแม้ว่าที่ผ่านมาจะครองบอลน้อยกว่า
ถือว่าทีมชาติโครเอเชียที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมาได้ต้องผ่านศึกหนักค่อนข้างมาก
แต่การแข่งในนัดสุดท้ายเพื่อตัดสินว่าใครคือแชมป์โลกครั้งที่ 21 อาจไม่ใช่งานง่าย
ทำให้พวกเขาพร้อมตั้งรับจากการบุกของฝรั่งเศสอย่างเต็มที่ จากการผ่านเข้ามาสู่ในรอบสุดท้ายนับเป็นเวลาที่โครเอเชียต่างเฝ้ารอเป็นเวลานานถึง
20 และจุดแข็งของ ตาหมากรุก ที่มีในเวลานี้ ที่มีทั้ง อิวาน ราคาติช , อิวาน
เปริซิช , ลูกา
โมดริช ที่เป็นสามขุนพลตัวหลักของทีมที่พร้อมจะพาความฝันของชาติให้ถึงฝั่ง
ทั้งนี้โครเอชียเป็นทีมชาติที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นม้ามืดในการแข่งบอลโลกครั้งนี้
เมื่อมองถึงความพร้อมของทีมที่อาจเป็นรองฝรั่งเศสพอสมควร
แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาพวกเขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นผลมาจากทีมเวิร์คและความขยันไล่บี้คู่แข่งเพื่อช่วงชิงโอกาสในสนามทำให้สร้างประตูสวย
ๆ ได้ไม่ยาก
รวมถึงความพร้อมของทีมที่มีความต้องการชัยชนะและต้องการเป็นแชมป์โลกในสมัยแรกของโครเอเชีย
ดังนั้นเกมการแข่งขันฟุตบอลโลก
2018 ประเทศรัสเซียครั้งนี้มีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นหลายอย่าง
หากจะมีแชมป์โลกหน้าใหม่อย่างโครเอเชียก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก
หรือฝรั่งเศสจะครองแชมป์เป็นสมัยที่สอง ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอด
เพราะเกมการแข่งขันกีฬาไม่มีอะไรที่แน่นอน อะไรย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ